The Best Fluffy Pancakes recipe you will fall in love with. Full of tips and tricks to help you make the best pancakes.
ขึ้นชื่อว่า Mercedes-Benz หลาย ๆ คนคงนึกออกในทันทีว่าคำนี้คืออะไร
แน่นอนที่สุดมันคือ รถในฝันของใครหลายๆคน อย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยความที่รถแบรนด์นี้ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความสำเร็จบางอย่างของเรา ที่ได้สร้างขึ้นมา และเมื่อได้ครอบครอง นอกจากราคาของรถที่จ่ายไปแล้ว แน่นอนที่สุดก็ต้องมีการดูแลรักษา รวมไปจนถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า การที่ใช้รถยี่ห้อนี้ ต้องเจอกับอะไรบ้าง ในวันนี้ผมมีคำตอบมาบอกทุกคนครับ รับรองได้ว่า หากอ่านจบแล้วจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ
โดยต้องบอกก่อนว่า ในรุ่นที่ผมเลือกใช้นั้น เป็น Mercedes Benz CLA250 นะครับ โดยเป็นรุ่นปี 2016(ออกรถเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2559) ถ้านับมาจนถึงตอนนี้ก็ ผมใช้รถรุ่นนี้มาราวๆเกือบ 6 ปี แล้วนะครับ เรียกได้ว่าเป็นรถคู่ใจเลย
ออกรถวันแรกจ่ายเท่าไหร่และได้อะไรบ้าง
ราคาที่ผมซื้อรถรุ่นนี้ มือ 1 ในราคา 2,470,000 บาทนะครับ โดยเลือกซื้อที่ศูนย์ Mercedes Benz Star Flag และสิ่งที่แถมมาให้ในวันออกรถมีดังนี้
1.ประกันภัยชั้น 1 (แถมแค่ 1 ปีแรกนะครับ ปีต่อไปก็ซื้อเอาเองนะ)
2.ฟิล์ม LAMINA รอบคัน
3.ประกันศูนย์ตลอด 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (แต่ตอนนี่เงื่อนไขที่ผมได้ก็น่าจะเปลี่ยนไปแล้ว อาจจะต้องลองสอบถามทาง Mercedes Star Flag อีกครั้ง)
ภาพจาก Show Room Mercedes-Benz Star Flag
(ตอนนี้เป็นภาพทีเป็นโปรปัจจุบัน ออกรถตอนนี้แถมฟรี Iphone 13)
อย่างที่ผมได้แจ้งไปข้างต้น ณ จนถึงตอนนี้ก็ใช้รถ Benz CLA250 มาเป็นเวลาประมาณ 6 ปีแล้ว โดยผมขับไปทั้งหมดที่ไมล์ประมาณ 49,000 กิโลเมตร (ตกเป็นต่อปีประมาณ 8,000 กิโลเมตรนิด ๆ ) ซึ่งอันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นตัวเลขที่มากหรือน้อย โดยในตลอดระยะเวลาที่ได้ใช้รถคันนี้มานั้น ไม่เคยขับชน หรือเจออุบัติเหตุหนักๆเลย เรียกได้ว่าเป็นรถที่มีสมรรถนะที่ดีมากๆ ขับได้นิ่ง สมกับความเป็น Mercedes-Benz แต่ก็ยังมีเหตุเกิดเล็กน้อยบ้าง ในตลอดการใช้ที่ผ่านมา ซึ่งรายละเอียดการการจ่ายเงิน ผมจะค่อยๆแจงรายละเอียดนะครับ แต่ก่อนอื่นทุกคนเคยสงสัยไหมว่า
ถ้าเข้าศูนย์ปกติ 1 ครั้ง BENZ CLA250 ต้องใช้เงินเท่าไร ?
แน่นอนว่ารถทุกคันก็ต้องมีการดูแล และเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็คสมรรถนะให้มีความพร้อมอยู่เสมอ และศูนย์รถยุโรปแบบนี้ ตรวจเช็คอะไรบ้างมาเริ่มอ่านกันเลยดีกว่าครับ
“หากไม่ต้องการอ่านรายละเอียดบิลใบเสร็จ ผมมีตารางสรุปไว้ที่ด้านล่างนะครับ”
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ผมนำรถเข้าที่ Mercedes-Benz Star Flag ทุกครั้ง และเข้าทุกๆ 1 ปี (แต่ในช่วงล่าสุดอาจจะมีเลื่อนไปบ้าง เนื่องจากด้วยสถานการณ์โควิด 19 ประเทศไทยที่รุนแรง ทำให้ไม่ค่อยได้ใช้รถ บวกกับกลัวติดโควิด 19 เวลาไปข้างนอกบ้านด้วย)
ตามผมไปที่ศูนย์กันเลยครับ
ครั้งที่ 1 เริ่มเข้าครั้งแรก ธันวาคม ปี 2016
ขับมาทั้งหมด 9,820 กิโลเมตร โดยมีการตรวจเช็คทั้งหมดดังนี้
– มีค่าแรงช่างในการตรวจเช็คที่ราคา = 999.60 บาท
– กับค่าอะไหล่ทั้งหมด = 7,296 บาท
– มีค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม = 580 บาท
– แต่ในการเข้าครั้งนี้ ได้ส่วนลดจากศูนย์ = 1,010 บาท
ทำให้การนำรถ Benz CLA 250 เข้าศูนย์บริการ ใช้เงินไปทั้งหมดเพียง 8,876.29 บาท
(ถามว่าแพงไหม ถ้าเอาราคามา / กับจำนวนเดือน ก็จะตกเหลือเพียงแค่ เดือนละประมาณ 739.66 บาทเท่านั้น) เมื่อตรวจเช็คเสร็จแล้ว ชำระเงินเรียบร้อย ก็รอรับรถได้เลย
ครั้งที่ 2 มีนาคม ปี 2018
ขับมาทั้งหมด 19,073 กิโลเมตร โดยมีการตรวจเช็คทั้งหมดดังนี้
– มีค่าแรงช่างในการตรวจเช็คที่ราคา = 5,780 บาท
– กับค่าอะไหล่ทั้งหมด = 2,206.06 บาท
– มีค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม = 559.06 บาท
– แต่ในการเข้าครั้งนี้ ได้ส่วนลดจากศูนย์ = 569.40 บาท
ทำให้การนำรถ Benz CLA 250 เข้าศูนย์บริการ ใช้เงินไปทั้งหมดเพียง 8,545.66 บาท
จะเห็นว่ารายการที่จ่ายไปจะใกล้เคียงกันมาก สำหรับใครที่คิดว่าขับ Benz เอารถเข้าศูนย์ทีต้องเสียเงินเป็นหมื่น ต้องกลับมาคิดดูใหม่แล้ว เพราะไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลย ก่อนที่จะเข้าศูนย์รอบต่อไป ผมขอแทรกเหตุการณ์ที่ต้องเคลมประกัน คือ
เกิดอาการแผลฉีดขาดที่ยางรถ
เกิดที่บริเวณล้อ 1 ข้าง โดยในส่วนนี้ต้องยางใหม่ แต่ในส่วนตัวก็กังวลเรื่อง “สมดุล” ของล้อ รวมถึงในตอนที่เกิดเหตุการณ์นี้ก็ใช้ยางคู่นี้มาประมาณ 1 ปีเศษ เลยตัดสินใจ “เปลี่ยนใหม่ทั้งคู่ไปเลย” โดยค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ผมไปเบิกกับประกันได้ 50% (แต่ว่าได้แค่ 1 ข้างเท่านั้นนะครับ)
ครั้งที่ 3 มกราคม ปี 2019
ขับมาทั้งหมด 25,047 กิโลเมตร โดยมีการตรวจเช็คทั้งหมดดังนี้
– มีค่าแรงช่างในการตรวจเช็คที่ราคา = 4,680 บาท
– กับค่าอะไหล่ทั้งหมด = 1,398.56 บาท
– มีค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม = 425.50 บาท
– แต่ในการเข้าครั้งนี้ ได้ส่วนลดจากศูนย์ = 433.76 บาท
ทำให้การนำรถ Benz CLA 250 เข้าศูนย์บริการ ใช้เงินไปทั้งหมดเพียง 6,504.06 บาท
จะเห็นว่าในปีที่ 3 ที่นำรถเข้าศูนย์บริการ Mercedes-Benz Star Flag ค่าใช้จ่ายในเริ่มถูกลงมาแล้ว ถ้าใครที่บอกว่าใช้ Benz แล้วเข้าศูนย์แพง อาจจะต้องคิดใหม่กันเลยทีเดียว
เดี๋ยวมาดูรอบต่อไปกันเลย
ครั้งที่ 4 มกราคม ปี 2020
ขับมาทั้งหมด 32,991 กิโลเมตร โดยมีการตรวจเช็คทั้งหมดดังนี้
คลิกเพื่อดูบิลแบบเต็มๆ ใบที่ 1
คลิกเพื่อดูบิลแบบเต็มๆ ใบที่ 2
คลิกเพื่อดูบิลแบบเต็มๆ ใบที่ 3
– จะมีค่าอะไหล่รวมทั้งหมด = 33,484 บาท
– ค่าแรงช่าง = 4,914.70 บาท
– มีค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม = 2,687.91 บาท
– ได้รับส่วนลดจากศูนย์ = 7,373.30 บาท
ทำให้การนำรถ Benz CLA 250 เข้าศูนย์ครั้งที่ 4 ใช้เงินไปทั้งหมดเพียง 41,086.61 บาท .
โดยที่ราคาสูงกว่าทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา เป็นเพราะว่ามีการเปลี่ยนอะไหล่ในหลายรายการ ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะชิ้นส่วนอะไหล่ของรถก็จะมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แต่ในปี 2020 ยังไม่ได้เข้าศูนย์เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น! ยังมีการเข้าใช้บริการอีกหนึ่งครั้ง โดยครั้งนี้เป็นจะเป็นเกี่ยวกับ *แบตเตอรี่สำรอง Auxilary Bat โดยเฉพาะ
และอะไร Auxilary Bat คืออะไร ส่งผลอะไรกับรถ
ขอบคุณภาพตัวอย่างจาก กระทู้ใน Pantip จากเจ้าของกระทู้ ซุปตาร์พาเที่ยว
แบตเตอรี่ Auxilary Bat ลูกสำรองที่ใช้ในการเลี้ยงระบบ Sensor ไฟหน้าปัด โดยเมื่อแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมในหน้าจอจะขึ้นแสดงว่า Auxiliary Battery Malfultion เมื่อพบข้อความนี้ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการโดยเร็วเพื่อป้องกันความเสียหายเกี่ยวกับระบบภายในของตัวรถ
ครั้งที่ 5 พฤษภาคม ปี 2020 เข้าเช็คแบตสำรอง Auxilary Bat
ขับมาทั้งหมด 34,419 กิโลเมตร มีการตรวจเช็คทั้งหมดดังนี้
– จะมีค่าอะไหล่รวมทั้งหมด = 5,880 บาท
– ค่าแรงช่าง = 1,604.80 บาท
– มีค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม = 523.94 บาท
– ได้รับส่วนลดจากศูนย์ = 1,753.20 บาท
รวมในการนำรถ Benz CLA250 เปลี่ยนแบตเตอรี่ มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 8,008.74 บาท
ทำให้ในปี 2020 รวมค่าใช้จ่าย ในการนำรถ Benz เข้าศูนย์บริการ เป็นจำนวนเงินทั้งหมด 49,096 บาท (โดยเป็นค่าเช็คระยะ 41,087 + ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ 8,009 บาท นั่นเอง
ผ่านกันมาแล้วสำหรับการนำรถเข้าศูนย์ตลอด 4 ปี ที่ผ่านมา รอบต่อไปเรียกได้ว่าเป็นการ “เช็คครั้งใหญ่” ของการนำรถเข้าศูนย์บริการซึ่งเป็นครั้งล่าสุด (สิงหาคม ปี 2021) ว่าในการนำรถ Benz CLA250 จะมีค่าใช้จ่ายเท่าไร จะต้องจ่ายอะไรบ้าง รายการไหนที่ทำให้จ่ายเยอะขึ้น มาอ่านไปพร้อมๆกันเลยครับ
ครั้งที่ 6 สิงหาคม ปี 2021 (เช็คระยะรอบล่าสุด)
ขับมาทั้งหมด 45,402 กิโลเมตร มีการตรวจเช็คทั้งหมดดังนี้
คลิกเพื่อดูบิลแบบเต็มๆ ใบที่ 1
คลิกเพื่อดูบิลแบบเต็มๆ ใบที่ 2
คลิกเพื่อดูบิลแบบเต็มๆ ใบที่ 3
คลิกเพื่อดูบิลแบบเต็มๆ ใบที่ 4
คลิกเพื่อดูบิลแบบเต็มๆ ใบที่ 5
เรียกได้ว่าครั้งล่าสุดนี้เป็นการจ่ายเงินค่าเช็คระยะมากที่สุด โดยจะเป็นรายการประมาณนี้
– จะมีค่าอะไหล่รวมทั้งหมด = 82,357 บาท
– ค่าแรงช่าง = 13,027. บาท
– มีค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม = 6,676 บาท
– ได้รับส่วนลดจากศูนย์บริการ = 18,770 บาท
รวมในการนำรถ Benz CLA250 เข้าศูนย์บริการครั้งล่าสุด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 102,062 บาท
ซึ่งการเข้าศูนย์ครั้งนี้มีการเปลี่ยนกระจกไฟด้านหน้าซ้ายแตก!!! เพราะมีหินกระเด็นใส่ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่คนขับรถก็เข้าใจดีว่า หลีกเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนว่าคนขับรถบนท้องถนนก็ต้องเจอ แต่ในส่วนนี้เป็นส่วนที่อยู่ในประกัน “เบิกได้ทั้งหมด” นะครับ
โดยในตลอดการใช้งาน Benz CLA250 ตลอด 6 ปีที่ผ่านมานั้น ยังมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่อีกเล็กน้อยระหว่างทาง ที่ผมไม่ได้ใส่เข้าไปในรายการ ก็คือ ที่ปัดน้ำฝน โดยเป็นรายละเอียดดังนี้ครับ
ครั้งแรก เปลี่ยนที่ศูนย์บริการ เมือปี 2018 = 2,500 บาท (อันนี้เข้าไปเปลี่ยนนอกรอบ)
ครั้งที่สอง ลองสั่ง Shopee มาเปลี่ยนเอง พึ่งเปลี่ยนไป = 800 บาท เท่านั้น!! (ใช้งานได้ดีไม่แพ้กันเลย แต่ราคาค่อนข้างต่างกันมาก)
สรุป การการนำรถ Benz CLA250 เข้าศูนย์บริการ Mercedes-Benz Star Flag ในตลอดอายุการใช้งาน 6 ปีที่ผ่านมา ผมได้ทำการทำเป็นตารางสรุปไว้เพื่อให้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น
จริงแล้วนอกจากรายการที่ได้กล่าวมาด้านบน ผมได้นำรถไปเคลมอีกเล็กน้อย แต่ว่ารอบนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพราะเป็นการเคลมที่อยู่ในประกัน เช่น ตรวจเช็คแบตเตอรี่ เป็นต้น
โดยในตลอดการใช้งานที่ผมได้นำรถเข้าศูนย์ Mercedes-Benz Star Flag ทางศูนย์ก็ยังมีการให้บริการฟรีอีกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น
1.การต้อนรับอย่างสุภาพ บริการเป็นอย่างดีมากๆ
2.บริการล้างดูดฝุ่นภายใน (อันนี้คือดีมากๆ สะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด)
3.บริการให้คำปรึกษาจากช่างผู้เชี่ยวชาญโดยตรง (ถามได้ทุกคำถาม ช่างให้คำปรึกษาดีมากๆ)
4.การดำเนินการที่รวดเร็ว สามารถรอรับรถได้เลยทันที
5.อันนี้สำคัญเลย ถ้าใช้บัตร Mercedes-Benz Card สามารถใช้เป็นส่วนลดเพิ่มได้อีกนะครับ
โดยในส่วนนี้ก็ขอขอบคุณทาง Mercedes-Benz Star Flag ด้วยนะครับ ที่ช่วยดูแลรถของผมเป็นอย่างดี’
ค่าใช้จ่ายพื้นฐาน
ในข้างต้นนี้เป็นเพียงการนำรถเข้าเช็คระยะที่ศูนย์บริการ Mercedes-Benz Star Flag นะครับ นอกเหนือจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่คนที่ใช้รถยังต้องดูแลรักษาอยู่ มาดูกันดีกว่าครับ ว่ารถ Benz-Cla250 ที่ผมใช้อยู่มาตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ผมจ่ายค่าอะไรไปบ้าง
1.ค่าเปลี่ยนยางรถยนต์
แน่นอนเลยว่าการที่เราใช้รถในทุกวันๆ ยางก็ต้องมีเสื่อมสภาพ เป็นธรรมดา และยางรถยนต์ก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการใช้รถ เพราะเป็นส่วนที่ต้องเกาะถนน เรียกได้ว่าฝากชีวิตของไว้กับยาง 4 เส้นนี้เลยก็ว่าได้ และแน่นอนครับ ผมก็ให้ความสำคัญมากเช่นกัน
โดยต้องบอกก่อนว่า ล้อรุ่น CLA250 จะเป็นขอบ 18 นิ้ว โดยใช้ยางแบบ Run Flat มาให้ ขนาด 225/40 R18 โดยยางแบบ Run Flat ก็คือหากเกิดเหตุยางรั่ว ก็ยังสามารถขับต่อไปได้เพื่อไปหาร้านเปลี่ยนที่ใกล้ที่สุด เลยทำให้ Benz CLA250 คันนี้ไม่มียางอะไหล่แถมมาให้นะครับ
โดยการเปลี่ยนยางของผม ผมเลือกเปลี่ยนที่ B-Quick
(สาขาพหลโยธิน 24)
คลิกเพื่อดูรายละเอียดการเปลี่ยนยาง
ด้วยความที่ใกล้บ้านและมั่นใจในคุณภาพของทาง B-Quick โดยมียางให้เลือกหลายแบบ แต่ผมเลือกใช้เป็นยางรุ่นเดียวกับที่ติดรถมา เป็นประเภทแบบ Run Flat เหมือนเดิมครับ โดยตลอดการใช้งานรถ 6 ปี ที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนยางที่ B-Quick ไปทั้งหมด 2 ครั้ง โดยเป็นเหตุการณ์คือ
2.ค่าประกันภัยรถยนต์
แน่นอนว่ามีรถแล้วก็ต้องมีประกันภัยด้วย ของผมก็เช่นกัน โดยในเรื่องของประกันก็มั่นใจในประกันภัย ชั้น 1 เท่านั้น โดยในตอนที่ซื้อรถคันนี้มา เมื่อปี 2016 ประกันที่แถมมากับรถเป็นของ กรุงเทพประกันภัย (ปีแรกไม่ได้เคลม) โดยหลังจากหมดประกันปีแรกไป ผมก็เลือกเปลี่ยนมาเป็นของ บริษัท เมืองไทยประกันภัย โดยรายละเอียดเบี้ยการจ่ายทั้งหมดจะเป็นดังนี้
**โดยในปีล่าสุด จำนวนเบี้ยโดดกว่าปีอื่นๆ เป็นเพราะว่า มีการเคลมไฟหน้าร้าวจากก้อนหินกระเด็นใส่ 1 ข้าง ส่งผลให้แผงวงจรไฟฟ้าช็อต ทำให้เบี้ยประกันจ่ายเพิ่มกว่าปีอื่นๆนิดหน่อยครับ**
3.ค่าเสื่อมราคา
เคยได้ยินคำนี้ไหมครับ “ซื้อรถใหม่เมื่อออกจากโชว์รูมแล้ว ราคาก็ตกทันที” ใช่แล้วครับ รถทุกคันมีค่าเสื่อมราคาเสมอ โดยในตอนที่ผมซื้อ Benz อย่างที่ได้แจ้งไป ราคาที่ผมซื้อคือ 2,470,000.- (เมื่อปี 2016) นะครับ โดยในปัจจุบันนี้ ค่าเสื่อมราคา ผมจะอิงจาก taladrod.com/ นะครับ โดยเกณฑ์คือ วัดจาก Benz CLA250 ที่ออกปีใกล้เคียงกันนะครับ (โดยราคาอาจจะขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากรถค่อนข้างขับน้อยกว่าค่าเฉลี่ย) โดยราคาของผมจะเป็นประมาณนี้ครับ
– ราคารถที่ซื้อ = 2,470,000.-
– ราคาปัจจุบัน = 1,250,000.-
– ค่าเสื่อมราคาสะสม = 1,220,000.- (คิดจาก ราคารถที่ซื้อ – ราคาปัจจุบัน)
4. ค่าใช้จ่ายเสริม (ค่าเสริมหล่อรถ)
ในส่วนนี้จริงๆไม่ต้องทำก็ได้นะครับ ถ้าใครแบบเน้นประหยัด ก็อาจจะข้ามข้อนี้ได้เลย โดยค่าเสริมหล่อของ CLA250 ของผมก็จะเป็นประมาณนี้ครับ
4.1 เคลือบแก้ว ที่ศูนย์เคลือบแก้ว Dupont HyperCoat (สาขาพหลโยธิน 24)
โดยที่เลือกที่นี่เพราะมั่นใจในคุณภาพงาน ด้วยมาตรฐานระดับโลก บวกอยู่ใกล้บ้านด้วยเลยตัดสินใจเลือกที่นี่ครับ
ส่วนถ้าถามว่าทำไมต้องเคลือบแก้ว ก็เพราะว่า อยากให้รถดูเงาใหม่อยู่ตลอด และช่วยป้องกันรอยให้กับรถ อย่างที่ทราบว่า รถสีขาวดูแลยาก ฉะนั้นเคลือบแก้วไว้เลย ได้ทั้งความสวยงาม และ อุ่นใจเรื่องรอย
โดยรายละเอียดของการเคลือบแก้วนั้น เป็นดังนี้ครับ
“ทำ 1 ครั้ง จะอยู่ได้ประมาณ 4 ปี โดยในทุกๆครึ่งปีนั้นผมต้องนำรถมา CLEAN ผิวรถด้วย โดยถ้าให้สรุปง่ายๆก็คือ จ่ายไป 1 ครั้ง อยู่ได้ทั้งหมด 4 ปี เท่ากับว่าในตอนนี้ Benz CLA250 ของผม ทำใหญ่ไปทั้งหมด 1 ครั้ง และได้ Clean ผิวรถทั้งหมด 7 ครั้งครับ”
โดยสรุปค่าใช้จ่ายในการ เคลือบแก้วที่ ที่ศูนย์เคลือบแก้ว Dupont HyperCoat คือ
– ปี 2016-2019 = 30,000.-
– ปี 2020-2023 = 30,000.-
รวมทั้งหมด = 60,000.-
สำหรับใครที่สนใจนำรถเข้าเคลือบแก้ว ผมก็ขอแนะนำไปลองใช้บริการ ศูนย์เคลือบแก้ว Dupont HyperCoat ได้เลยนะครับ รับรองว่า “รถจะใหม่ เก็บรายละเอียดดี ช่างถ่ายรูปมาโชว์ทุกขั้นตอน รับรองว่าเงายิ่งกว่าออกจากศูนย์แน่นอน” (อันนี้ไม่ได้ Sponsor ด้วยนะครับ รีวิวจากความรู้สึกจริงๆ)
4.2 ติดฟิล์ม Lamina รุ่น Digital Ceramatrix
คลิกเพื่อดูบิลรายละเอียดแบบเต็มๆ
คลิกเพื่อดูบิลรายละเอียดแบบเต็มๆ
โดยติดรอบคันเลยนะ แต่ว่าแต่ละด้านจะใช้เป็นรุ่นที่แตกต่างกันครับ โดยรายละเอียดจะเป็นดังนี้ครับ
ด้านหน้า เลือกใช้เป็น รุ่น L40 Digital CeraMatrix โดยจะเป็นสี Soft Chacole