จำนวนคนดู : 2,417
น่าจะนับเป็นบัตรที่ระดับสูงสุดคู่กับ citi prestige ไม่นับรวมพวกเรียนเชิญพิเศษ อย่าง ultima หรือ ultima metal
วิธีสมัคร
เอกสารแสดงรายได้ 50,000 บาทต่อเดือน หรือ statement ย้อนหลัง 6 เดือนมียอดเงินในบัญชีไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทตลอดระยะเวลา (ของผมสมัครด้วยวิธีนี้ แต่วิธีนี้คาดว่าอาจมีการพิจารณาไม่เหมือนกันทุกคน เพราะไม่ได้ลงใน website)
ค่าธรรมเนียมรายปีบัตรหลักปีแรก 5,000 + Vat 350
ค่าธรรมเนียมรายปีบัตรเสริมปีแรก 2,000 + Vat 140
ปีถัดไป
ค่าธรรมเนียมรายปีบัตรหลัก 10,000 + Vat 700
ค่าธรรมเนียมรายปีบัตรเสริม 2,000 + Vat 140
ไม่มียกเว้นทุกกรณี (กรณีบัตรหลัก ยกเว้นถ้าเป็น citi gold aum 10 ล้าน) กรณีนี้จะให้เลือกยกเว้นได้ 1 ใบระหว่าง citi prestige หรือ citi rop preferred ถ้ามีทั้ง 2 ใบ ซึ่งก็ต้องยกเว้น preferred เพราะแพงกว่า และ prestige ปีที่ 2 เป็นต้นไป ค่าธรรมเนียมนำไปขอคุยแลกไมล์ได้; หากจะใช้ยกเว้นค่าธรรมเนียม ต้องมี aum 10 ล้าน ณ เวลานั้นๆด้วย
สิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ
1) miles สะสม (1 คะแนน = 1 mile) ข้อดีคือไม่มีหมดอายุ
-
15 บาท = 1 คะแนน ร้านอาหาร, ท่องเที่ยว, foreign currency
-
20 บาท = 1 คะแนน รายการปกติอื่นๆ
-
free 25,000 คะแนน เมื่อใช้ครบ 1 ล้านบาท ในรอบ 1 ปีสมาชิกบัตร (ต้องจ่ายค่าสมาชิกปีถัดไปก่อน)
พิเศษโปรโมชั่นสมัครบัตรใหม่
รับ 17,000 ไมล์สะสม สำหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่า (หมายถึงลูกค้าเก่าของบัตรอื่น Citibank)
-
สมัครรับใบแจ้งยอดบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ภายในรอบบัญชีแรก
-
ชำระค่าธรรมเนียมรายปี 5,000 บาท + VAT 7% (350 บาท) บาท สำหรับปีแรก
-
ใช้จ่ายผ่านบัตร 30,000 บาทขึ้นไป ภายใน 30 วันหลังจากได้รับบัตร
2) สนามบิน
-
unlimited meet and assist @สุวรรณภูมิ (Thai airway flying)=1+4 ผู้ติดตาม
-
เข้า royal silk lounge (Thai airway flying) ไม่มีผู้ติดตาม
-
limousine ไปสุวรรณภูมิ 2 ครั้งต่อปีฟรี และอีก 2 ครั้งลด 50% /2ครั้งต่อปีปฎิธิน
(ราคาเต็ม 1200) ถ้าใช้ ครั้งที่ 3 4 จ่าย 600 บาท อันนี้ดอนเมืองใช้ไม่ได้ และไปใช้ ตปท ไม่ได้
3) upgrade gold status ROP
-
ใช้ครบ 1 ล้านบาทใน 1 รอบปีสมาชิกบัตร และสะสมไมล์เอกสิทธิ์ครบ 22,000 ไมล์ หรือเดินทางเส้นทางระหว่างประเทศ 15 เที่ยวบิน (ไม่ต้องรอจ่ายค่าสมาชิกปีถัดไป,รอไม่เกิน 2 เดือน) จะได้ royal orchid plus gold หมายความว่า status จะมาเลยถ้าเข้าครบ 2 เงื่อนไข ไม่ต้องรอรอบปีบัตรถัดไป (ไมล์เอกสิทธ์ที่ได้จะต้องอยู่ในรอบปีบัญชีของบัตรด้วย)
-
สมมุติกรณีถ้าบิน first class แล้วการบินไทยให้เพิ่ม 50% ก็นับ % นี้เข้าไปรวมด้วย เช่น 1,000 เป็น 1,500/22,000
แต่ถ้าบิน economy แบบรหัสชั้น 75% ก็จะได้ 750/22,000 (ไมล์เอกสิทธิ์ก็จะเป็น 1500 or 750 ไป)
ไมล์เอกสิทธิ์คือไมล์สะสมที่ได้จากการบินกับการบินไทยเท่านั้น และไม่รวมบัตรโดยสารชั้น L/G/V/W และบัตร โดยสารรางวัล ไม่รวมสายการบินไทยสมายล์ และสายการบินในเครือ สตาร์ อัลไลแอนซ์
การคงสถานะ ROP gold ซึ่งปกติต้องบินครบ 50,000 miles
กรณีนี้ก็ทำเหมือนกับตอนได้สถานะ คือครบ 2 เงื่อนไขก็คง status rop gold ปีถัดไปเลย
note: ไม่ได้แต้มเข้าใจว่ามีแค่ไฟฟ้า ประปา
ส่วนสิทธิประโยชน์อื่นๆ ให้ดูเพิ่มเติมใน website อันนี้ขอดึงมาเฉพาะตัวที่เด่นๆ
ลองมาคำนวณเป็น cash back เล่นๆให้ดูนะครับ
อัตราแลกไมล์ใหม่ from 1 oct 2019
https://www.thaiairways.com
ขอยกตัวอย่างเลย
ขอแทรกที่มา benefit ในการ up gold status 30,000 บาท
ส่วนต่างตั๋ว eco-bus New Zealand อยู่ที่ราว 85,000 บาท
แต่ตั๋ว upgrade นั้นใช้คนละ quota ซึ่งความยากง่ายในการแลกจะอยู่ระหว่างกลางของ
“ตั๋วแลกไมล์ — ตั๋วซื้อ” และสะสมไมล์ได้แค่ status ตั๋วก่อน upgrade
ดังนั้นให้ค่า 70% = 85,000*70% = 59,500 บาท
และการที่ได้ลดไมล์เอกสิทธิ์จาก 50,000 มา 22,000 จึงให้ค่าแค่ 50%
59,500*50% = 30,000 โดยประมาณ
แต่เดี๋ยวก่อน หากเราไม่ได้ใช้สิทธิ์ upgrade status rop เพราะบินถึง 50,000 ไมล์อยู่แล้วหรือบินไม่ถึง 22,000 ไมล์
cash back จะเหลือ 2.6%
และถ้าเราใช้เกิน 1,000,000 ไปมากเท่าไร บาทที่เกินจะได้ benefit ที่น้อยลง
เช่น กรณีที่ใช้ปีเดียว 3.1m และไม่ได้ใช้ upgrade rop status จะเหลือ cash back แค่ 2.1%
ส่วนต่างตั๋ว eco-bus New Zealand อยู่ที่ราว 85,000 บาท
แต่ตั๋ว upgrade นั้นใช้คนละ quota ซึ่งความยากง่ายในการแลกจะอยู่ระหว่างกลางของ
“ตั๋วแลกไมล์ — ตั๋วซื้อ” และสะสมไมล์ได้แค่ status ตั๋วก่อน upgrade
ดังนั้นให้ค่า 70% = 85,000*70% = 59,500 บาท
และการที่ได้ลดไมล์เอกสิทธิ์จาก 50,000 มา 22,000 จึงให้ค่าแค่ 50%
59,500*50% = 30,000 โดยประมาณ
แต่เดี๋ยวก่อน หากเราไม่ได้ใช้สิทธิ์ upgrade status rop เพราะบินถึง 50,000 ไมล์อยู่แล้วหรือบินไม่ถึง 22,000 ไมล์
cash back จะเหลือ 2.6%
และถ้าเราใช้เกิน 1,000,000 ไปมากเท่าไร บาทที่เกินจะได้ benefit ที่น้อยลง
เช่น กรณีที่ใช้ปีเดียว 3.1m และไม่ได้ใช้ upgrade rop status จะเหลือ cash back แค่ 2.1%
ข้อสังเกตุอื่นๆ
-
Citibank เป็นธนาคาร ตปท ที่ชำนาญเรื่องบัตร credit มาก ดังนั้นจึงบริการได้ดีมาก และ citi rop preferred เป็นบัตรสูงสุดไม่นับบัตรกลุ่มเรียนเชิญ ดังนั้น call center จึงรับสายเร็วมาก (หากเรามี scb my travel แต่ไม่มี scb first โดยเฉลี่ยคาดว่ากว่าจะได้คุยกับ cc น่าจะอยู่ราว 30 นาทีขึ้นไป, ในขณะที่ citi rop ใช้ไม่เกิน 1 นาทีโดยประมาณ) แต่การบริการจะไม่ได้สุภาพเท่าระดับ AMEX scbFirst KbankWisdom แต่สามารถตอบคำถามได้เร็วและชัดเจน รวมทั้งยังสุภาพกว่า CC บัตรธรรมดาของ bank อื่นๆ (โดยค่าเฉลี่ย ไม่ได้ระบุธนาคาร)
-
แต่ข้อสังเกตุ เคยกดเงินผิดไปกดจากบัตร credit กดมาเท่าไรเสีย 3.21 % รวม vat ทันที ไม่สามารถเอาเงินไปคืนและขอค่าธรรมเนียม 3.21% คืนได้เลย (ของ wisdom, bbl บัตรธรรมดา เคยกดมา 20,000 ทั้ง 2 ครั้ง เสียค่าธรรมเนียม 642 บาท แต่เอาเงินไปจ่ายคืนบัตร แล้วขอยกเว้นค่าธรรมเนียมได้
-
ระบบหลังบ้าน แยกระหว่างบัตรเสริมและบัตรหลักได้ดีมาก ใน acc บัตรเสริม จะเห็นเฉพาะของตัวเอง แต่บัตรหลักจะเห็นทุกใบ แยก transactions กัน และที่สำคัญ ดูง่ายมาก รวมทั้งยอดรูดขึ้นแทบจะ real time
-
บัตรเสริม ไม่สามารถยกเว้นค่าธรรมเนียมได้เลย ไม่ว่าบัตรหลักหรือบัตรเสริมจะรูดไปเท่าไรก็ตาม
-
เป็นบัตร VISA infinite ซึ่งสูงกว่า wisdom ที่เป็น signature แต่เอาจริงๆ ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย