จำนวนคนดู : 2
สรุป 12 ข้อคิด จากหนังสือ ” Black Swan: วันมืดมิดในชีวิตการลงทุน” จากเซียนนักลงทุนของไทยทั้ง 12 ท่าน
สรุปและเรียบเรียง by KAK TRD
1. นักลงทุนระดับตำนาน black swan 12 ท่าน
มี 7 ท่านที่จบคณะวิศวกรรมศาสตร์
และ 6 ท่านจาก 7 ท่านที่จบวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (บังเอิญ หรือมีความเชื่อมโยง)
1 จาก 7 ท่าน จบ ม เกษตร
1 ท่านเรียนไม่จบมหาลัย
1 ท่านจบ บริหาร ม กรุงเทพ
1 ท่านจบ อุตสาหกรรมเกษตร ม สงขลา
1 ท่านจบ เศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์
1 ท่านจบแพทย์ จุฬา
จะเห็นว่าถึงแม้วิศวะ(จุฬา) จะเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ว่าจะจบอะไร มหาลัยไหน แม้จะไม่จบก็สามารถประสบความสำเร็จได้ทุกคนในการลงทุน
2. พี่มี่บอกว่าเราอ่ะอย่าไปท้อแท้กับคำของคนรอบข้างที่บอกว่าเราไม่ประสบความสำเร็จหรอก ให้จำคำของคนจีนที่บอกว่าดอกไม้จะมีฤดูกาลที่สวยงามแตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกับชีวิตมันอาจจะยังแค่ไม่ถึงเวลา / TRD เสริมให้อีกนิดว่า but we have to do something คือใช่อย่าไปท้อแท้แต่เราต้องทำอะไรสักอย่าง แค่ต้องทำอะไรสักอย่างเสมอ ลงมือทำซะ
3. ถ้าเราซื้อหุ้นราคา 2 บาทแล้วขึ้นไป 6 บาทจากนั้นเราได้ขายมันไปที่ 6 บาทแล้วมันกลับลงมา 2 บาท อย่างนี้อาจไม่เป็นการเลือกหุ้นได้ถูกต้องเท่ากับซื้อ 2 บาทขึ้นไป 6 บาทขายที่ 6 บาทแล้วขึ้นต่อไป 20 บาทแปลว่าเราเลือกหุ้นถูกจริงๆ (แม้เราจะไม่ได้ขายที่ราคาสูงสุดก็ตาม)
4. Black Swan ของนักลงทุนระดับตำนานหลายๆ คนมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการใช้ margin และบางคนเกี่ยวข้องกับ Warrant แปลว่าเราจะต้องระมัดระวังอย่างมากในการใช้ margin แต่ไม่ได้หมายความว่าใช้ไม่ได้ ถ้าให้ปลอดภัยให้ใช้ margin เป็นอัตราส่วนน้อยที่สุดเช่น 5-10% ไม่เกินนี้ (จริงๆแล้วยังมีปัจจัยอื่นเช่นความเสี่ยงของหุ้นที่ถือ etc…)
5. นักลงทุนระดับตำนานหลายๆ คน ใน series black swan เจอวิกฤตในช่วง Hamberger Crisis หรือวิกฤต Sub Prime แต่ทั้งหมดเอาตัวรอดกลับมาได้ และพี่มี่บอกว่าบางท่านบอกว่านี่มันสุดยอดนะเหนือความคาดหมาย 10 ปี มีครั้งหนึ่งเรียกว่าวิกฤตก็มีโอกาสนั่นเอง
6. ประโยคเด็ดของ พี่ชายมโนภาส ที่บอกว่านักลงทุนเฉือนกันที่รายละเอียดมันจริงนะหุ้นตัวเดียวกันบางคนกำไรบางคนขาดทุนเพราะเรามีความเข้าใจต่อหุ้นตัวนี้ไม่เท่ากัน รายละเอียดเล็กๆน้อยๆยิ่งลงลึกได้เท่าไหร่ยิ่งดี
(TRD เสริม เช่น ดูแม้กระทั่งต้นทุนซื้อที่ดินของบริษัท developer ว่ามันเป็นต้นทุนที่ซื้อขายกันในราคาตลาดจริงหรือซื้อแพงกว่าจริง แล้วมีเงินทอนนอกตลาดไหม)
7. สำหรับนักลงทุนมือใหม่พี่ชายมโนภาสแนะนำว่าอย่าเพิ่งไปคิดว่าจะต้องชนะตลาดด้วยซ้ำเพราะว่าบางครั้งหุ้นในตลาดมันอาจจะขึ้นเพราะกลุ่มที่เราไม่เข้าใจเลย อย่างเช่น ปิโตรเคมี น้ำมัน โรงกลั่น เดินเรือ ซึ่งถ้าเราไปตามอย่างนี้บางครั้งเราจะมองว่าเราทำได้ไม่ดีซึ่งบางทีเราอาจจะทำได้ดีแล้วก็ได้ อาจจะมองไปแค่ว่าพยายามชนะเงินเฟ้อและอย่าขาดทุนให้ได้กำไรก็พอ แค่นี้ก็อาจจะถือว่าดีแล้ว
(TRD เสริม แต่ปีที่ตลาดติดลบ บางครั้งขาดทุนก็ไม่ได้ถือว่าแพ้นะ, บางครั้งถ้าเราพยายามจะชนะตลาดทุกปีมากไป กลายเป็นว่าต้องไปลงทุนในประเภทธุรกิจที่เราไม่ถนัด ไม่เข้าใจ)
8. พี่หลินบอกว่า black swan อาจจะมีหลายนัยยะแตกต่างกันไปแต่สำหรับเขาต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่าง
1) เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
2) มีผลกระทบต่อเนื่องทำให้ตัดสินใจผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทบต่อสิ่งอื่นในชีวิตไม่เฉพาะแค่การลงทุน และ
3) เป็นเหตุการณ์ที่ดูเหมือนง่ายแต่ถ้าอยู่ในเหตุการณ์นั้นจะมองไม่เห็นราวกับตาบอด
9. พี่ฮงบอกว่าเครื่องมือที่ถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ อย่างเช่น หลักการที่ถูกต้องของ Value Investor มันเปรียบเสมือนกับการใช้รถตักกองดินไม่ใช่ทัพพีตักกองดิน ถึงเราจะฝึกตามกฏ 10,000 ชั่วโมง ถ้าหลักการวิธีมันไม่ถูกต้องตั้งแต่แรกมันก็ไม่มีประโยชน์
(TRD เสริม อย่างเช่น หลักการ value investor ได้ถูกพิสูจน์มาอย่างยาวนานว่าเป็นหลักการที่ถูกต้อง)
10. พี่โจลูกอีสาน (เป็นคนพังงา) บอกว่าการเลือกไอดอลหรืออาจารย์เป็นสิ่งสำคัญเปรียบเสมือนก้าวแรกถ้าก้าวแรกก้าวผิดเก่งแค่ไหนก็ไม่มีวันไปถึงจุดหมายเราจะต้องเลือกอาจารย์ที่ถูกต้อง ให้ยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์จะทำให้สามารถมองเห็นไปได้ไกลและชัดเจน เราควรเลือกเล่นเลือกเดินเส้นทางนั้น [อันนี้เป็นคำกล่าวของวอร์เรนบัฟเฟตต์และเซอร์ไอแซกนิวตัน]
Charlie Munger เองก็บอกว่าถ้ารู้ว่าเขาจะตายที่ไหนเขาก็จะไม่ไปที่นั่นซึ่งพี่โจก็เสริมว่าตลาดหุ้นก็เหมือนกันถ้าเรารู้อยู่แล้วว่าวิธีอะไรที่ทำให้ขาดทุนก็อย่าไปใช้วิธีนั้น อะไรที่ทำให้เจ๊งได้ก็อย่าไปทำ
11. พี่โจสอนว่าการลงทุนที่ขึ้นกับตัวแปรมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว เช่นหุ้นที่มันมีตัวแปรหลากหลาย พี่โจยกตัวอย่างหุ้นน้ำตาลที่มันขึ้นกับราคาน้ำมัน สภาพอากาศที่บราซิล ค่าเงินบาทและเรอัลของบราซิลซึ่งมันมีถึง 3 ปัจจัยมันยากเกินกว่าจะทำนายได้ถูกต้องทั้งหมดและค่อนข้างยากมาก
12. หุ้นที่สุดยอดดีคือหุ้นที่เติบโตไปแล้วจะไม่มีวันกลับฐานเก่าอีกเลย เช่น หุ้นของอาจารย์ ดร.นิเวศน์อย่างหุ้มโฮมโปรเมื่อเติบโตไปแล้วจะไม่กลับมาฐานเก่าอีกเลยทั้งราคาหุ้น ยอดขาย กำไร
KAK TRD