รู้ก่อนได้เปรียบ 10  ข้อควรรู้ ลดเบี้ยประกันรถยนต์ยังไงให้ประหยัด

การจะมีรถยนต์สักคัน ไม่ใช่แค่ซื้อรถแล้วจะจบ เพราะนอกจากค่าบำรุงรักษาแล้ว ก็ยังมี “ประกันภัยรถยนต์” ที่ต้องจ่ายทุกปี ยิ่งคุ้มครองเยอะเบี้ยก็ยิ่งแพง ซึ่งถามว่าความคุ้มครองคุ้มกับที่จ่ายแพงไหม? ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนขับครับ หลายคนอาจจะไม่ทราบมาก่อนว่าเราสามารถลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ของเราลงได้หลายกรณีมาก เช่น ขับรถเองคนเดียว ขับไม่บ่อยไมล์น้อย ขับดีไม่เคยเคลม แต่ทำไมถึงต้องจ่ายเต็มมาตลอด
โดยทริคที่ TRD (The Richest Duck) จะมาแชร์เป็นเรื่องที่หลายคนมองข้ามและนึกไม่ถึง โดยเฉพาะคนที่ต้องการความคุ้มครองที่คุ้มค่าแต่ไม่อยากจ่ายเบี้ยประกันในราคาสูง ๆ ทุกปี บทความนี้ถือเป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยทุกคนประหยัดไปได้แน่นอนครับ

⚠️Disclaimer: ข้อมูลดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถนำมาลดเบี้ยประกันรถยนต์ได้ ซึ่งอาจจะใช้ได้กับบางกรณีหรือรถบางรุ่นเท่านั้น และขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกัน ทั้งนี้ควรพิจารณาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่เป็นหลัก

10  ข้อควรรู้ ส่วนลดประกันรถยนต์ ทำอย่างไรได้บ้าง
1. เลือกแผนค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible)
ค่าเสียหายส่วนแรกที่คุณจะเสียให้กับบริษัทประกันภัยในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิดเท่านั้นซึ่งโดยปกติแล้ว หากทำค่า deductible เท่าไหร่ก็จะลดค่าเบี้ยประกันไปเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น ค่าเบี้ยประกันรายปี 15000 บาท คุณระบุค่า deductible ไว้ 5000 บาท ค่าเบี้ยประกันรายปีที่ต้องจ่ายจะเหลือ 10000 บาท เป็นต้น
กรณีนี้จะไม่คุ้ม สำหรับคนที่มีประวัติการขับที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยหรือมือใหม่หัดขับ เพราะหากเกิดเหตุแล้วเราเป็นฝ่ายผิด จะต้องเสียค่า deductible จำนวนครั้งที่เกิดเหตุ ซึ่งสุดท้ายอาจจะมากกว่าเบี้ยที่ต้องชำระรายปีแต่แรกก็เป็นได้

⚠️ค่า Deductible  จะเสียเป็นต่อครั้งและเราเป็นฝ่ายผิดเท่านั้นนะครับ หากเราเป็นฝ่ายถูกก็ไม่ต้องเสียค่า Deductible  นี้เลยครับ ดังนั้น ควรพิจารณาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่เป็นหลักครับ

2. ซ่อมศูนย์หรือซ่อมอู่
พิจารณาจากรถของคุณก่อนว่า มีลักษณะเป็นอย่างไร เช่น ราคา ความยากง่ายในการซ่อม ราคาอะไหล่และอะไหล่หายากหรือไม่ ศูนย์ซ่อมมีเยอะไหม เป็นรถที่ต้องการช่างซ่อมเฉพาะหรือช่างทั่วไปสามารถซ่อมได้ เป็นต้น ซ่อมอู่ ซ่อมห้าง ราคาต่างกัน 2000-4000 แต่ประกันบางอย่างจะเลือกไม่ได้ หรือพวกประกันไมล์ที่ราคาถูกจะเป็นซ่อมอู่อย่างเดียว
โดยปกติแล้ว การซ่อมศูนย์จะมีราคาแพงกว่าซ่อมอู่อยู่พอสมควรครับแต่หากคุณมีอู่ประจำและมีช่างที่รู้ใจอยู่แล้ว หรือรถของคุณเป็นรถที่ซ่อมไม่ยากไม่ซับซ้อน การเลือกซ่อมอู่ก็จะช่วยลดราคาไปได้เยอะทีเดียว

⚠️TRD ขอแนะนำว่า การซ่อมศูนย์ กับ ซ่อมอู่ มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน คุณอาจจะพิจารณาจากประวัติการใช้รถ และการซ่อมของคุณก่อนตัดสินใจ

3. ติดตั้งกล้องหน้ารถยนต์
ปัจจุบันรถแทบทุกคันได้มีการติดกล้องติดรถยนต์อยู่แล้ว ดังนั้น อย่าลืมถามหาส่วนลดในส่วนนี้กันด้วยนะครับ  เพราะจะได้รับส่วนลดเบี้ยต่อประกัน 5-10% เลยทีเดียวครับ 
เนื่องจากทาง คปภ. ได้ออกกฎเกณฑ์ให้ผู้ที่ติดกล้องหน้ารถยนต์ทุกคนได้รับส่วนลดเบี้ยต่อประกัน 5-10% โดยรถยนต์ที่ติดตั้งกล้องหน้ารถ ต้องแสดงหลักฐานภาพถ่ายการติดตั้งระบบกล้องคันเอาประกันภัย ในเวลาทำสัญญาประกันภัย และต้องติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ที่ติดตั้งกับรถยนต์ไว้ตลอดระยะเวลาเอาประกันภัยด้วย โดยส่วนลดดังกล่าว ผู้เอาประกันภัยสามารถดูได้ในช่องส่วนลดอื่นๆ ที่หน้าตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ สามารถอ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/E/136/12.PDF
ติดกล้องหน้ารถ เหมือนจะต้องดูเงื่อนไขย่อยของประกันแต่ละตัว ส่วนมากถ้าไม่เกิน 10000 บาทจะไม่ได้ส่วนลดอะไร ต้องแบบ 10000 + ได้ส่วนลดนิดหน่อยประมาณ 100-200 บาทครับ
4. ระบุผู้ขับขี่ / อายุ จะช่วยลดค่าเบี้ยได้ ระบุได้สองคน
ถ้าต้องการที่จะจ่ายเบี้ยประกันภัยให้ถูกลงแนะนำควรเลือก แบบระบุชื่อผู้ขับขี่ ซึ่งสามารถระบุชื่อได้ไม่เกิน 2 คน เท่านั้น ในกรณีระบุชื่อและอายุของผู้ขับขี่ลงในกรมกรรม์ ก็สามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันได้ราว 5 – 20% เเบ่งตามช่วงอายุของผู้ขับขี่ ตามที่ทาง คปภ. ระบุเอาไว้ มีดังนี้ 
อายุ 18-24 ปี ลดให้ 5 %
อายุ 25-35 ปี ลดให้ 10 %
อายุ 36-50 ปี ลดให้ 15 %
อายุ 50 ปีขึ้นไป ลดให้ 20 %
สามารถอ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ https://www.oic.or.th/th/consumer/news/releases/5829
กรณีคนขับที่นอกเหนือจากที่ระบุ จะเสียค่าผิดเงื่อนไข 6000 บาท แต่การเคลมประกันเป็นชั้น 1 เหมือนเดิม (อ้างอิงจากทิพยประกันภัย)
5. ประวัติการเคลมถ้าประวัติดี
ถ้าคุณมีประวัติการขับรถดี เป็นฝ่ายถูกมาโดยตลอด สามารถขอลดได้อีกแล้วแต่ต่อรองราว ๆ 20%-50% ขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่ไม่เคยเคลม ตามที่ทาง คปภ. ระบุเอาไว้คือ
  • ไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหาย ในปีแรก ลด 20% สำหรับปีต่อไป
  • ไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหาย 2 ปีติดกัน ลด 30% สำหรับปีต่อไป
  • ไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหาย 3 ปีติดกัน ลด 40% สำหรับปีต่อไป
  • ไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหาย 4 ปีติดกัน ลด 50% สำหรับปีต่อไป
6. ซื้อผ่านเว็ปไซต์ออนไลน์
ซื้อผ่านเวป บางทีมีโค้ดส่วนลดเพิ่มเติมได้ เพราะเดี๋ยวนี้ทางบริษัทประกันรถยนต์เริ่มทำโปรโมชั่นผ่านทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นนั่นหมายความว่าราคาเบี้ยจะถูกกว่าตัวแทน และข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ หากซื้อผ่านโบรกเกอร์ ทางโบรกจะบวก Vat เพิ่ม แต่ถ้าซื้อผ่านเว็บไซต์ของบริษัทประกันเองเลยจะเป็นราคาที่รวม Vat เรียบร้อยแล้วไม่มีบวกเพิ่มครับ
7. ส่วนลดไมล์น้อยต้องต่อรองแล้วแต่บริษัท และแพ็คเกจ
เหมาะสำหรับคนขับไม่บ่อย มีความเสี่ยงน้อย เบี้ยประกันจึงถูกกว่าคนที่ขับมากกว่า โดยคิดตามระยะทางและเลขไมล์ที่ขับจริง ใช้รถน้อยก็จ่ายน้อย ใช้รถมากก็จ่ายเยอะหน่อย ส่วนลดอาจจะต้องต่อรองบริษัทประกันอีกที หรือเลือกแผนได้ระหว่างขับไม่เกิน 5,000 หรือ 10,000 กิโลเมตรต่อปีครับ
8. ลดทุนประกัน
การลดทุนประกันลงสามารถช่วยลดค่าเบี้ยลงไปได้เช่นกัน อาจลดลงเพียงหลักร้อยหรือหลักพันต้น ๆ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของบริษัทประกัน และลักษณะการใช้งานหรือพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับเป็นหลักครับ
9. สิทธิ์ส่วนลดปลอดแอลกอฮอล์ขณะขับขี่
ส่วนลดพิเศษนี้คุณจะได้รับ ก็ต่อเมื่อคุณยืนยันว่าจะไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะขับขี่ ซึ่งทาง คปภ. ได้ระบุเอาไว้ว่าคุณจะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกัน 10% ทันทีเมื่อผู้ซื้อประกันยินยอม (ตามสัญญาแนบท้าย) ของการซื้อกรมธรรม์ประกันรถยนต์
ซึ่งขณะนี้มีบริษัทประกันภัยที่ได้รับความเห็นชอบปลอดแอลกอฮอล์นี้แล้วทั้งสิ้น 10 บริษัท ประกอบด้วย บมจ. เทเวศประกันภัย บมจ. ทิพยประกันภัย บมจ. สมโพธิ์ เจแปน นิปปอนโคอะ ประกันภัย บมจ.ไทยศรีประกันภัย บมจ.อาคเนย์ประกันภัย บมจ.ไทยประกันภัย บมจ.กรุงเทพประกันภัย บมจ.ชับบ์สามัคคีประกันภัย บมจ. เมืองไทยประกันภัย และบมจ. ประกันภัยไทยวิวัฒน์
10. เลือกซื้อประกันชั้น 2+
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เป็นประกันรถยนต์ที่มีความคุ้มครองใกล้เคียงประกันชั้น 1 แต่มีราคาที่ถูกกว่า โดยคุ้มครองแตกต่างจากประกันชั้น 1 ตรงที่ไม่ครอบคลุมการชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ขับไปชนต้นไม้ โดนชนแล้วหนี ในกรณีนี้คุณต้องจ่ายเองเต็ม ๆ แต่หากว่าเรามีกล้องหน้ารถมีภาพหลักฐานทะเบียนรถของคู่กรณีชัดเจน จะประกันจะตามให้เองแบบนี้สามารถเคลมได้ครับ
ซึ่งแล้วแต่มุมมองครับ ต้องประเมินตัวเองว่าคุณขับรถเยอะแค่ไหน อายุของรถก็เช่นกันครับถ้าเก่าแล้วประกันชั้น 1 ก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่หรือถ้าคุณขับรถยนต์มามากกว่า 10ปี มีความชำนาญอยู่แล้ว การขับรถเฉี่ยวชนสิ่งของรอบข้างคงเกิดขึ้นได้น้อยมาก การเลือกประกันชั้น 2+ อาจะเป็นหนึ่งทางเลือกในการลดเบี้ยประกันครับ
ทั้งหมดนี้ เป็นแนวทางที่ควรทราบที่สามารถช่วยลดเบี้ยประกันรถยนต์ได้ แต่ทั้งนี้ คุณอาจจะต้องเปรียบเทียบจากบริษัทประกันหลาย ๆ เจ้าก่อนตัดสินใจ จะสามารถลดค่าเบี้ยประกันลงไปได้อีก การเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแผนก็เช่นกัน รวมไปถึงประเมินความเสี่ยงของบริษัทประกันภัยอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้คุณได้เลือกกรมธรรมที่เหมาะสมให้รถของคุณและตัวคุณเองครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top