Secrets of the Blue Zones สรุปบทเรียนจากสุดยอด Series NETFLIX ผ่านมุมมองของนักลงทุน

” จงเป็นนักลงทุนที่อยู่เกิน 100 ปี ” เพราะพลังของผลตอบแทนทบต้นจะมีโอกาสได้รับใช้คุณตราบนานเท่านาน Secrets of the Blue Zones สรุปบทเรียนจากสุดยอด Series NETFLIX

ผมจะเพิ่มเรื่อง GDP per Capita หรือรายได้ต่อหัวของประชากรเฉลี่ยต่อเดือน คิดที่ 1 usd = 35 thb (อ้างอิงจาก อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่เขียน Blog) Thailand GDP per Capita 20,600/เดือน
กทม และปริมณฑล GDP per Capita 44,000/เดือน
ผมขอสรุปว่า GDP per Capita มีผลต่ออายุ และการรักษาโรคต่างๆแน่นอน แต่เมื่อมีเยอะถึงจุดนึงมันจะแทบไม่มีผลแล้ว
คุณ Dan Buettner ได้ไปศึกษา 5 เขต blue zone จาก 5 ประเทศซึ่งมีคนอายุเกิน 100 ปีจำนวนมาก และแทบทั้งหมดอายุยืนโดยไม่ได้พยายามจะให้อายุยืนแต่อย่างใด มันแค่เป็นไปเพราะกิจวัตรทุกๆวันของพวกเค้าเอง
คุณ Dan ยังได้ไปศึกษาเขตที่ 6 นั่นคือ Singapore ประเทศที่รัฐบาลได้ไปศึกษา blue zone มาเพื่อใช้เพิ่มคุณภาพด้านสุขภาพ และอายุให้กับประชากร
ก่อนจะไปดูแต่ละเขต blue zone ผมขอเอาสรุปขึ้นมาก่อนเลย ว่าในมุมของนักลงทุนธรรมดาที่อาศัยในประเทศไทย เราสามารถเอาความลับของ blue zone ทั้ง 5+1 นี้มาประยุกต์ใช้ง่ายๆได้อย่างไร เพื่อเพิ่มทั้งอายุ รวมถึงคุณภาพสุขภาพ โดยเป็นการทำแบบไม่ลำบากจนเกินไป โดยสรุปได้ 7 ข้อหลักๆ ดังนี้ครับ
1) ศรัทธาและความหวัง
ความศรัทธาเป็นเรื่องที่คงบังคับกันไม่ได้ แม้ bluezone เกือบทั้งหมดจะนับถือคริสต์เป็นหลัก แต่ชาว Okinawa ผู้มาเป็นอันดับ 1 มีความเชื่อทางเรื่องจิตวิญญาณต่างๆ โดยไม่ได้เกี่ยวกับศาสนาสักเท่าไร ศรัทธาและความหวังของพวกเค้าถูกชี้นำ โดย Ikigai เป็นหลัก, นั่นหมายความว่าคนธรรมดาที่ไม่ได้เชื่อในศาสนาใดๆแบบจริงจัง ก็สามารถมีทั้งศรัทธาและความหวังได้ เพราะ Ikigai เป็นหลักการดำเนินชีวิต ที่ใครใครก็สามารถปฏิบัติได้
2) ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
ทั้ง 5 เขต แทบจะทุกคนมีชุมชนกลุ่มย่อยของตัวเองมากมายทำกิจกรรมร่วมกันตลอดแทบทุกวัน อาจจะดูเป็นการยากสำหรับเมืองใหญ่ โดยเฉพาะแบบ กทม ที่จะให้คนในละแวกเดียวกันสามารถรวมกลุ่มทำกิจกรรมกันได้, แต่อย่างน้อยนักลงทุนก็สามารถสร้าง community ขึ้นมาได้ แม้ไม่ได้พบกันทุกวัน แต่เป็นเดือนละหลายครั้งก็ยังดี, การมีเป้าหมายหลักร่วมกันในด้านการลงทุนย่อมง่ายขึ้นต่อการสร้าง community
3) อย่าเกษียณ
ไม่เกษียณไม่ได้แปลว่าต้องทำงาน office ไปเรื่อยๆ, แค่หาอะไรทำสม่ำเสมอก็นับว่ายังทำงานอยู่ นักลงทุนโชคดีอีกอย่างที่ไม่มีการเกษียณ
4) มีความสุข
หัวเราะ ไม่โกรธ มองโลกแง่บวก หาความสุขง่ายๆ ระหว่างวันเหมือนชาว Sardinia ที่มองดูเนินเขาเดิมๆทุกๆวันมา 80 ปีแต่ก็ยังมองว่าสวยงามเสมอ ความเครียดไม่น่ากลัว แต่เครียดเรื้อรังคืออันตราย
5) การมีคู่ชีวิตที่ดีทำให้อายุยืน
6) มีความสุขกับงาน และก็หาความสุขหลังเลิกงานด้วย
ไม่ว่าจะเป็นงานที่ได้เงิน หรือไม่ได้เงิน ชาว Nikoya บอกว่ามันเหมือนกับการเต้นรำไปทำงาน
7) ออกกำลังกายแบบอัตโนมัติ
ชาว Blue zone ไม่ได้เป็นนักออกกำลังกายแต่อย่างใด พวกเค้ามีวิถีชิวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การเดินทาง ทำงานบ้าน ทำสวน ที่เหมือนเป็นการออกกำลังกายไปในตัว เราต้องออกแบบวิถีชิวิตประจำวันให้มีการเคลื่อนไหว ออกแรง ให้เป็นการออกกำลังไปในตัว เช่น เดินไปทำงาน อาจจะไม่ได้เดินตั้งแต่บ้าน แต่เป็นการลงรถ หรือจอดไกลหน่อยแล้วเดินทั้งไปและกลับ บางคนอาจจะเห็นผมเดินตามถนนบ่อยมาก เพราะผมจงใจจอดรถไกลๆแล้วเดินเสมอ ไม่ก็ไม่เอารถไปเลย ทำงานบ้าน ทำสวน บางส่วนด้วยตัวเอง , ใช้รถสาธารณะให้มากขึ้น , เดินให้เร็วขึ้น ก็นับเป็นการออกกำลังกายแล้ว ใส่นาฬิกา smart watch เพื่อกระตุ้นให้เดินเยอะขึ้น
อาหาร เป็นเรื่องสำคัญที่สุดเลย
ถ้าคุณมีความรูเรื่องอาหารสุขภาพเพิ่มขึ้น คุณจะอยากปฎิบัติมากขึ้น ลดอาหารหวานทุกชนิด เช่น ทานกาแฟหวานน้อย หรือไม่หวานเลย กินข้าวกล้องแทนข้าวขาว เชื่อผมว่ากินไปจนชินแล้วมันอร่อยกว่าข้าวขาว กินพืชตระกูลถั่ว ฟักทอง ข้าวโพด ผัก ผลไม้ มะระขี้นก เต้าหู้ สาหร่ายทะเลน้ำลึก ประจำ ใช้น้ำผึ้งป่าแทนน้ำตาลหรือไซรัป ใช้น้ำมันมะกอกแทนเนย หรือน้ำมันอื่นๆ ทานมังสวิรัติบ่อยๆ ไม่ต้องรอให้เทศกาลเจค่อยทาน
” ฮารา ฮาชิ บุ แปลว่ากินให้อิ่มแค่ 8 ใน 10 “
ข้อสังเกตุ: มีชายคนหนึ่งปฎิบัติข้อ 1-6 เป็นประจำ เหมือนเป็นกิจวัตร ชายคนนั้นมีชื่อว่า Warren Buffett นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกเคยมี อายุปัจจุบัน 93 ปียังคงทำงานปกติทุกวัน และแข็งแรงดี

ต่อไปนี้เป็นสรุป blue zone 5+1 เขต

1st) Okinawa Island, Japan : GDP per Capita 88,000/เดือน
อันนี้เป็นของ Okinawa เองเลย เพราะหาข้อมูลแยก city ได้ โดยญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 115,000/เดือน ซึ่ง Okinawa เป็นเมืองที่ GDP per capita ต่ำสุดรองสุดท้ายของญี่ปุ่น ต่ำสุดคือ nara
  • บริโภคมะระขี้นก เต้าหู้ ใบหม่อน หมึกต้มน้ำดำ สาหร่ายอาสะ จิงจูฉ่ายแต่เต้าหู้ที่โอกินาว่ามีคุณภาพเหนือกว่าที่อื่นๆ ตั้งแต่วัตถุกิบและกรรมวิธีการผลิตคนโอกินาว่าบริโภคผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง 88 mg ต่อวันโดยเฉลี่ย
  • สนุกกับคนทำให้คนมีความสุขอย่าโกรธ หัวเราะ มองโลกแง่บวก เล่นดนตรีได้บ้างก็ดี เอาแค่แบบง่ายๆเลยฝึกเดือนเดียวอะไรอย่างนี้
  • เนื้อชนิดต่างๆ ปลาและไข่ เป็นพลังงานที่คนโอกินาว่าบริโภคไม่ถึง 2% กินมันม่วงเป็นพลังงานถึง 67% แต่ถ้าคุณถามคณโอกินาว่า มันไม่มีอาหารอย่างเดียวหรอกที่มันจะดีที่สุดมันต้องประกอบประกอบกันหลายอย่าง
  • อาหารของชาวโอกินาว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูงแต่มีแคลอรี่ต่ำ ส่วนใหญ่เรียกว่ากินจนรู้สึกอิ่มมากแล้ว แต่มันอาจจะมีแคลอรี่น้อยกว่าแฮมเบอร์เกอร์ 1 ชิ้นซะอีก และก่อนกินพวกเขาจะท่องคำว่า ฮารา ฮาชิ บุ แปลว่ากินให้อิ่มแค่ 8 ใน 10 ก็พอ
  • คนโอกินาว่าส่วนใหญ่จะนั่งกับพื้นทำให้ลุกนั่งอัตโนมัติ 30 ครั้งต่อวัน เหมือนทำสควอช 30 ครั้งเลยนะ
  • แทบทุกคนมีสวนของตัวเองแม้แต่คนที่อายุ 100++ ก็ยังออกไปทำสวน อาจจะใช้เวลาสัก 1-2 ชั่วโมงต่อวันนั่นก็คือการเคลื่อนไหวร่างกายไปในตัว คนเหล่านี้ไม่ได้ออกกำลังกายแต่ก็เหมือนออกกำลังกายเบาๆไปในตัวตลอด
  • พวกเขาจะตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือกันและกัน และมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันในทุกวัน
  • Ikigai เป็นภารกิจอย่างหนึ่ง เป็นเป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ และอาจจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มีอายุเกิน 100 ปี
  • โอกินาว่าไม่มีคำว่าเกษียณ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม การทำงานไม่ได้แปลว่าต้องทำแล้วได้เงินอาจจะเป็นแค่ปลูกผักในสวน อาจจะไปขายของชำง่ายๆในร้านเล็กๆ
2nd) Sardinia Island, Italy : GDP per Capita 104,000/เดือน
  • มีศรัทธาและความหวัง, ผู้สูงอายุบางคนไปโบสถ์ทุกวัน
  • ระดับความสูงของหมู่บ้านมีผลต่ออายุยืน ยิ่งอยู่สูงเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ได้เดินออกกำลังกายเยอะ มันไม่ใช่การเดินบนพื้นราบธรรมดามันคือการเดินที่ใช้กำลังมากขึ้น
  • ผู้ชาย Sardinia มีอายุยืนไม่แพ้ผู้หญิง
  • ผู้ชายบางคนทำงานเลี้ยงแกะ ได้เดินไปทั่วเขา ได้งีบหลับ ได้มองดูเนินเขาเดิมๆทุกๆวันมา 80 ปีแล้ว มันคือความรื่นรมย์ระหว่างวัน
  • ชาว Sardinia มีงานทำเสมอ แต่ไม่ได้เครียดกับมัน ความเครียดที่น่ากลัวคือความเครียดเรื้อรัง
  • คุณ Dan Buettner ไม่เห็นบ้านพักคนชราใน Sardinia เลย ที่นี่นอกจากผู้สูงอายุจะดูแลตัวเองได้แล้ว ยังมีลูกหลานผลัดกันมาช่วยดูแล พวกเขามีความเชื่อว่าผู้สูงอายุคือผู้ทรงภูมิปัญญาซึ่งสามารถส่งผ่านปัญญานั้นสู้คนหนุ่มสาวได้
3rd) Loma Linda, USA : GDP per Capita 100,000/เดือน
อันนี้เป็นของ Loma Linda เองเลย เพราะหาข้อมูลแยก city ได้ USA จะอยู่ที่ 204,000/เดือน ซึ่ง Loma Linda ถือว่าเป็นเมืองที่ GDP per capita ต่ำมากๆใน USA อาจจะเพราะเป็นวัยทำงานน้อยกว่าค่าเฉลี่ยด้วย
  • เข้าสังคม โดยมีการออกกำลังกายเป็นส่วนนึงในนั้น
  • งานอาสาสมัครคือการออกกำลัง และเข้าสังคม รวมทั้งเป็นความหมายของชีวิต
  • 35% ของพลเมืองที่นี่ทานมังสวิรัติ ต่อให้ คนที่ไม่เป็นมังสวิรัต ก็บริโภคเนื้อสัตว์น้อยมาก กินอาหารให้สมดุล โดยบริโภคผลไม้ ซีเรียล พืชตระกูลถั่ว พืชผัก ถั่วเปลือกแข็งเป็นอาหารหลัก
  • มีความความศรัทธาและความเชื่อทางศาสนา
4th) Ikaria Island, Greece : GDP per Capita 60,000/เดือน
  • อาหารแบบ Mediterranean นั้นใช้น้ำมันมะกอกแทนเนย (อย่าลืมใช้ให้ถูกประเภท ปรุงร้อน vs กินเย็น)
  • ดื่มชาสมุนไพรท้องถิ่นประจำ (หลากหลายชนิด)
  • ใช้น้ำผึ้งป่าแทนน้ำตาลหรือไซรัปเสมอ (อย่าต้มน้ำผึ้ง จะทำให้เสียคุณค่า แม้แต่การเอามาชงกาแฟ หรือชาก็ควรทำตอนที่กาแฟหรือชาเย็นลงบ้างแล้ว, น้ำผึ้งที่วางขายทั่วไปมักผ่านการต้ม)
  • Life partnership การมีคู่ชีวิตที่ดีทำให้อายุยืน
  • ดื่มไวน์ดีๆประจำ (ดื่มปริมาณที่เหมาะสม)
  • มีกิจกรรมพบประสังสรรค์ประจำ ชาว Ikaria มักชอบเต้นรำในการพบประสังสรร และเต้นเป็นเวลามากถึง 1 ชั่วโมง การออกกำลังกายที่มีความสุขคืออีกเคล็ดลับที่เหนือกว่าการออกกำลังกายด้วยการบังคับตัวเอง
  • Laughing หัวเราะในการพูดคุยกับเป็นประจำ
5th) Nicoya, Costa Rica (ไม่ได้เป็นเกาะ แต่เป็นเมืองที่ติดทะเลคล้ายๆ กับชลบุรี) : GDP per Capita 36,000/เดือน
เป็นเขตรายได้ค่อนข้างน้อยของ costa rica (แต่ costa rica ก็ยังมี GDP per capita สูงกว่าไทยเกือบเท่าตัว) อย่างไรก็ตาม ใน บลูโซนทั้งห้าเขตนั้น Nicoya เป็นเขตที่รายได้ต่ำที่สุด
  • มีอะไรทำตลอดรู้ว่าอยู่เพื่ออะไร = “ปลัน เด ปีดา” (Plan de Vida) สำหรับชาว Okinawa ก็คือ Ikigai นั่นแหละ
  • ทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ และงานโดยไม่ค่อยใช้เครื่องจักรช่วยมากนัก ใช้แรงงานคน
  • ผู้สูงอายุหลายคนเพลิดเพลินกับชีวิตแม้จะไม่มีเงินเก็บอะไรมากนัก (แต่ Costa Rica มีสวัสดิการพื้นฐานค่อนข้างดี โดยเฉพาะการรักษาพยาบาล)
  • ใช้ชีวิตเหมือนเป็นการเต้นรำไปทำงานในทุกๆวัน
  • มีความเชื่อในศาสนา ศรัทธาในพระเจ้า (มีงานวิจัยที่บอกว่าผู้ที่ศรัทธาใน พระเจ้า หรือศาสนา หรืออะไรสักอย่าง โดยเฉลี่ยมักจะอายุยืนกว่าคนที่ไม่ศรัทธา)
  • ใช้ชีวิตช้าๆ จะไม่เอาเวลาไปทำงานเพิ่ม ถ้าเวลา 2-3 ชั่วโมงที่ต้องใช้เพิ่มมานั้นได้เงินดีแต่มันเป็นเวลาจะได้อยู่กับครอบครัวและลูกๆ หรือเพื่อน
  • กินถั่วดำ ฟักทอง ข้าวโพดเหลืองประจำ
  • แต่ปัจจุบันชาวนิโคยารุ่นใหม่เริ่มเปลี่ยนไปเป็นบริโภคอาหารสมัยใหม่ fast food มันฝรั่งทอด ซีเรียลต่างๆ
  • blue zone ที่นี่อาจจะจบลงในชั่วอายุคนผู้ใหญ่รุ่นปัจจุบันได้ โอกินาว่าเองก็เช่นกันตอนนี้มีคนเป็นโรคอ้วนเยอะสุดในญี่ปุ่น
โดยส่วนตัวคิดว่าในอนาคต Nicoya จะถูกกลืนกินวัฒนธรรมการกิน และการให้ชีวิตได้ง่ายกว่าที่อื่นๆ เพราะมันเป็นแผ่นดินติดต่อกับแผ่นดินแม่ ไม่ได้เป็นเกาะ
6th) Singapore : GDP per Capita 212,000/เดือน
เป็นตัวอย่างเพิ่มมาของ blue zone ที่ไม่ได้เกิดมาจากวัฒนธรรมการกินอยู่ต่างๆ ตั้งแต่แรก แต่รัฐบาลสร้างนโยบายที่ส่งเสริมกับสุขภาพเหมือนดังเช่น ที่พวกเขาสร้างเมืองที่เริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลย Singapore อาจไม่ได้มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก แต่ค่าเฉลี่ยนั้นเพิ่มเรื่อยๆ และเพิ่มต่อเนื่องในอัตราที่น่าพอใจ
  • สนับสนุนประชาชนให้กินข้าวกล้องแทนข้าวขาว โดยทำให้ราคาข้าวกล้องถูกกว่า
  • จำกัดน้ำตาลในเครื่องดื่มน้ำอัดลม เป็นนโยบายบังคับ
  • รณรงค์ให้ร้านค้าโดยเฉพาะแผงลอยติดป้ายดึงดูด ถ้ามีอาหารสุขภาพ
  • ทำให้รถยนต์ราคาแพงแพงกว่าสหรัฐเป็น 2.5 เท่าและยังต้องมีใบอนุญาตอีก 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ปชช 11% เท่านั้นที่มีรถยนต์ ในสหรัฐมีถึง 80% ระบบขนส่งสาธารณะนั้นเข้าถึงง่ายและราคาถูก ทั้งหมดนี้ทำให้คนเดินเยอะ, มีปฎิสัมพันธ์กัน และทำให้อากาศดี ถ้าหากทุกคนมีรถคนละคัน เกาะเล็กๆแห่งนี้จะมีรถ 5 ล้านกว่าคัน คงไม่ต้องพูดถึงปัญหาที่ตามมา
  • มีสวนสาธารณะจำนวนมากซึ่งมันได้สร้างมิตรภาพและ community ขึ้นมา
  • รัฐบาลส่งเสริมให้ออกกำลังกายโดยมีทั้งสถานที่และอุปกรณ์ตามที่สาธารณะ แน่นอนว่ามันฟรี
  • สร้างสิ่งแวดล้อมในที่อยู่อาศัยให้ทุกคนมีจุดที่จะต้องเดินมาเจอกันใต้ตึกซึ่งเป็น community mall ของชุมชนนั้นๆ และมี interaction ต่อกัน
บลูโซนทั้ง 5 ไม่ได้มีค่าเฉลี่ยอายุสูงกว่าประเทศที่ติด TOP 5 ของโลกมากนัก แต่มีคนที่อายุยืนมากๆอย่างเช่นเกิน 100 ปีเป็นจำนวนที่สูงมากกว่า 
สุดท้ายถ้าอ่านจนจบ ผมอยากให้ทุกคนไปดูสารคดีนี้นะครับ เพราะการดูจะทำให้เราซึมซับความรู้สึกมากกว่า, เรื่องอายุยืน 100 ปีทำความเข้าใจมันไม่ยาก แต่จะปฎิบัติให้ได้มันต้องซึมซับเข้าไปในใจ หรือถ้าจะให้มีแรงใจในการปฎิบัติมากขึ้นอยากให้ลองไปเที่ยวเกาะทั้ง 3 ดูครับ Okinawa, Sardinia, Ikaria
ซึ่งผมก็ตั้งเป้าไว้ว่า ตั้งแต่ปีหน้าจะไปปีละ 1 เกาะให้ได้ครับ

By KAK TRD

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top